ซูชิต้นทุนต่ำ กำไร 2 เท่าตัว
คุณสุนันท์เผยว่า
หัวใจของซูชิคือการเลือกวัตถุดิบ ถ้าเน้นถูกไว้ก่อนรสชาติก็จะเพี้ยนไปมาก
ที่สำคัญอย่างแรกคือข้าว ข้าวซูชิที่ดีจะต้องนุ่ม เป็นเม็ดสวยงาม
ควรใช้ข้าวญี่ปุ่นทำเม็ดจะกลมสวยกว่าข้าวไทย และมีความเหนียวปั้นได้ง่าย
ราคาข้าวญี่ปุ่นตกกิโลกรัมละ 50 บาท หุงข้าวญี่ปุ่น 8 ถ้วยตวงจะทำซูชิได้ 250 คำ คิดเป็นต้นทุนก็หลักสตางค์
ต้นทุนของซูชิถ้าเป็นหน้าเบสิค
ยกตัวอย่างเช่น หน้ากุ้ง ถ้าซื้อวัตถุดิบมาทำเอง กุ้งต้นทุนตัวละ 1 บาท ต้นทุนข้าว 30 สตางค์ คิดเป็นต้นทุนต่อคำ 1.50 บาท แต่ขายซูชิในราคา 5 บาท กำไร 3.50 บาท คิดเป็น 200%จากต้นทุน ถ้าเป็นซูชิหน้าปลาแซลมอน หน้าปลาไหล ต้นทุนจะสูงขึ้นอยู่ที่คำละ 4 บาท ซึ่งส่วนใหญ่ตามร้านซูชิ 5 บาท จะตัดหน้าปลาแซลมอนออกไปเลย แต่ถ้าจะขายก็อาจจะเปลี่ยนราคาเป็นซูชิ 10 บาท
“สำหรับการเติบโตในธุรกิจของโมกุนซูชิ ปัจจุบันมียอดขายโดยเฉลี่ยวันละประมาณ 2,000
ชิ้น และยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นตลาดซูชิยังไปได้อยู่และไม่ตัน
เป็นอาหารที่กินง่าย ที่สำคัญหน้าซูชิต้องอร่อยและมีหน้าให้เลือกหลากหลาย
ซูชิสามารถปรับเปลี่ยนได้อีกเยอะ หน้าร้านก็ต้องงัดกลยุทธ์ทำสดจะเรียกลูกค้าได้มาก
ดูน่ากินมากกว่าเดิม
ส่วนแนวทางในอนาคตจะขยายไลน์ธุรกิจแต่ก็ยังคงอยู่ที่อาหารซูชิเหมือนเดิมไม่เพิ่มสาย
เคยมีเพื่อนชวนไปขายบะหมี่ราเมน
แต่พี่มองว่าราเมนยังตีก๋วยเตี๋ยวไทยไม่ได้ในตลาดล่าง
ทั้งในแง่ราคาและความหลากหลายและคุ้มค่า”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น