ประวัติของซูชิ
ประวัติของซูชิ ซูชิ : sushi หรือ ข้าวปั้นมีหน้า เป็น อาหารญี่ปุ่น ที่ข้าวมีส่วนผสมของ น้ำส้มสายชู และกินคู่กับปลา เนื้อ หรือ ของคาวชนิดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น ซูชิมักจะหมายถึงอาหารที่มีส่วนประกอบของ ซูชิเมะชิ ( ข้าวที่ผสมน้ำส้มสายชู ) และมีหน้าแบบต่างๆเป็นหน้า ที่นิยมได้แก่ อาหารทะเล ผัก ไข่ เห็ด เนื้อที่นำมาใช้อาจจะเป็นเนื้อดิบ หรือ เนื้อที่ผ่านกระบวนการทำอาหารแล้ว สำหรับในประเทศอื่น
ซูชิ
หมายถึง การรวมกันระหว่างปลากับข้าว
ซูชิมีวิวัฒนาการมาเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วซึ่งเกิดจากความต้องการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่น
ซูชินิยมหมายถึง
นิงิริซู ชิ ที่เป็นข้าวมาอัดเป็นก้อนและมีเนื้อปลาวางบนด้านหน้าเท่านั้น
แม้ประวัติการทำซูชิจะมีในญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน
จนคนเข้าใจว่าเป็นของดั้งเดิมของญี่ปุ่น
แต่เมื่อนักประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นสืบค้นหาที่มาของซูชิก็พบว่า
ญี่ปุ่นรับเอาวัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเภทปลาหมักกับข้าวมาจากประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยและลาว
การหมักปลามักทำกันแพร่หลายโดยเกษตรกรที่อาศัยอยู่ริมฝั่งโขง
ซึ่งในขณะเดียวกันก็ปลูกข้าว มีข้าวบริโภคกันอย่างอุดมสมบูรณ์
จึงคิดวิธีรับประทานข้าวกับปลาหมัก วัฒนธรรมการรับประทานแบบนี้เข้าสู่ญี่ปุ่นโดยผ่านประเทศจีน
สมัยก่อนซูซิของญี่ปุ่นเป็นปลาหมัก ไม่ใช่ปลาดิบ
ตั้งแต่สมัยเอโดะจึงเปลี่ยนแปลงมาเป็นของทะเลสดๆ มีเครื่องเคียงเป็นขิงดอง
เนื่องจากทั้งขิงดองและวะซะบิ มีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อโรค รูปแบบของซูชิถูกพัฒนาไปตามความเหมาะสมของสังคมด้วย
ในตอนที่ชาวอเมริกันรู้จัก ซูชิใหม่ ๆ เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะยอมรับ
การรับประทานของดิบ จึงมีการคิดค้น ซูชิม้วนโดยใส่ไส้เป็นผักต่าง ๆ และไข่ เป็นต้น
ตั้งชื่อว่าแคลิฟอร์เนียโรล เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ
และการลดน้ำหนัก ส่วนหนึ่งเพราะชาวตะวันตกคิดว่าข้าวเป็นธัญพืชด้วย
ปัจจุบันร้านซูชิในญี่ปุ่นพัฒนาก้าวหน้าไปมาก
เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าจำนวนมาก มีการใช้เครื่องจักรผลิตซูชิ
ไม่ต้องใช้คนปั้นทีละชิ้น ลูกค้าสั่งได้จากหน้าจอมอนิเตอร์ประจำโต๊ะ ที่จานซูชิมีชิพบันทึกเวลาการผลิตไว้
หากเวลาผ่านไปราว 40 นาทีแล้วลูกค้ายังไม่หยิบไป
เครื่องจะแยกซูชิจานนั้นจากสายพานทิ้งไป เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น